วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

2012 วันสิ้นโลก


วันสิ้นโลก
สร้างกริตเตอร์
| ฟังเพลง | เกมส์ | ซื้อ-ขาย



เปิดตำนานวันสิ้นโลก 2012 1/3










หลังจากผู้กำกับ Roland Emmerich วางแพลนที่จะสานต่อโปรเจกต์หลังหนังพีเรียดยุคไวกิ้งครองโลกเรื่อง 10,000 B.C. มาเป็นเรื่องนี้ บอกได้คำเดียวว่าแทบจะรอไม่ไหว อะไรที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าหลังจากรู้ข่าวว่า Emmerich จะกลับมาทำหนังที่มีสเกลใหญ่มหึมาเหมือนครั้งที่เขาเคยฝากผลงานให้โลกจารึกไว้ทั้ง Independence Day, Godzilla และ The Day After Tomorrow รับประกันได้เลยว่าการกลับมากับหนังหายนะโลกครั้งนี้ของเขาจะต้องไม่ใช่เล่นๆเหมือนแต่ก่อนแน่นอน (ยกให้ 10,000 B.C. เป็นผลงานพักเหนื่อยของเขา)

และถ้าคุณคิดว่านี่จะเป็นอารมณ์เดียวกับหนังอย่าง The Day After Tomorrow ก็อาจจะต้องคิดใหม่เล็กน้อย เพราะจริงๆแล้วหนังเรื่องนี้จะมาพร้อมทุนสร้างที่เยอะกว่า และมาพร้อมความจริงจังในแง่ของการทำลายล้างของหายนะมากกว่า เรื่องราวจะเป็นอะไรที่นำเสนอเกี่ยวกับหายนะที่จะเกิดขึ้นต่อมวลมนุษยชาติอย่างตรงไปตรงมา เพราะที่เราจะได้เห็นในหนัง ก็มีทั้งน้ำท่วมโลก (เหมือนที่ในทีเซอร์แรกของหนังที่ได้เห็นนี้), ภูเขาไฟระเบิดครั้งยิ่งใหญ่, พายุถล่มโลก, ภูเขาน้ำแข็งละลาย, แผ่นดินไหว ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ Emmerich เคยนำเสนอไปใน The Day After Tomorrow ทั้งหมด ..และพิจารณาได้ว่าทุกสิ่งที่เราจะได้เห็นจะต้องออกมาเป็นความยิ่งใหญ่ในการนำเสนออย่างแน่นอน

หนังอ้างอิงจากปฎิทินของชาวมายันที่จะสิ้นสุดลงในปี 2012 นั่นหมายถึงว่าโลกจะสิ้นสุดและถึงกาลอวสานในปีดังกล่าวนั่นเอง จากตัวอย่างที่ได้เห็น หนังมาพร้อมคำโปรยที่ดูน่าขนลุกมากๆ How Would The Governments of Our Planet ..Prepare Six Billion People ...To The End of The World ? ก่อนที่หนังจะตัดสลับไปที่ภาพน้ำที่กำลังเอ่อล้นท่วมภูเขาในแถบเอเชียกลางที่คาดว่าน่าจะเป็นแถวๆธิเบต ที่เรียกว่าหลังคาโลกเลยนะนั่น ก่อนหนังจะตัดสลับมาที่คำตอบว่า They Wouldn't ...แค่นี้ก็เรียกความน่าสนใจที่จะเกิดขึ้นกับหนังเรื่องนี้ได้มากพอแล้ว

นักแสดงของหนังที่จะตบเท้ามาขึ้นจอในหนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วย John Cusack, Amanda Peet, Chiwetel Ejiofor, Thandie Newton, Danny Glover, Oliver Platt,Thomas McCarthy ซึ่งจะรับหน้าที่เขียนบทโดย Emmerich และ Harald Kloser จาก 10,000 B.C. แต่เดิมหนังเคยใช้ชื่อว่า Farewell Atlantis ส่วนหลักทุนสร้างของหนังนั้นตอนนี้ก็เกินหลัก 200 ล้านไปเป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นหนังซัมเมอร์ 2009 ที่ทุนสูงมากๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

Emmerich และ Sony Pictures วางโปรแกรมฉายหนังเรื่องนี้เอาไว้ 10 กรกฎาคม 2009 หลังสัปดาห์วันชาติอเมริกาหนึ่งสัปดาห์และก่อนหน้าการมาของ Harry Potter ภาค 6 หนึ่งสัปดาห์ แต่หนังคงไม่เจอศึกหนักอะไรมาก เพราะหน้าหนังสามารถขายได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ตัวอย่างเต็มๆอาจจะปล่อยมาต้นปีหน้า ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไป คอหนังหายนะโลกทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วงดนตีที่ฉันชอบมากๆๆๆๆๆ


BAND
สร้างกริตเตอร์
| ฟังเพลง | เกมส์ | ซื้อ-ขาย



เพลง Unloveable - Mild มายด์





MiLD : ความอ่อนโยนและความนุ่มนวลที่สัมผัสได้จากดนตรี การรวมตัวของเด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ที่รักในเสียงดนตรี และด้วยความสามารถที่พวกเขามีอยู่ทำให้วง MiLD เป็นที่ยอมรับเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นเชียงใหม่ จากการเริ่มต้นโดยเล่นดนตรีตามงานต่างๆ พวกเขาก็เก็บสะสมประสบการณ์เรื่อยมา จนได้มีโอกาส ร่วมเล่นโชว์ในงานแฟตทีเชิตครั้งที่3 และรางวัลที่การันตรีถึงความสามารถของพวกเขา คือ รางวัลชนะเลิศพานาโซนิคสตาร์ชาเล้นท์ ปี 2003 และจากกลุ่มแฟนเพลงกลุ่มเล็กๆจากเชียงใหม่ที่ให้การตอบรับพวกเขาและคอยให้กำลังใจอย่างอบอุ่น ทำให้วันนี้ ซิงเกิ้ลเพลง อีก นาน ไหม ถือเป็นผลงาน ชิ้นแรก ในเส้นทางสายดนตรี
Artist Profile : ร้องนำ : บดินทร์ เจริญราษฎร์ (เป้)ศึกษา ปี3 คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กีต้าร์ : เจน มโนภินิเวศ (เต่า) ศึกษา ปี 3คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา อุตสาหการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เบส : พิทวัส ขุนทอง (ขุน) ศึกษา คณะนิเทศน์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
คีย์บอร์ด : ณธีพัฒน์ ประเสิรฐมนูญกิจ (ทอมท่อม) ศึกษา สำเร็จการศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แซ็กโซโฟน : ไพสิฐ คำกลั่น (เป้) การศึกษา ปี3 คณะวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
มือกลอง : ธงไชย ทิมพูล (ไมค์)ศึกษา ปี2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาจักรกลเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

การกำจัดไวรัสขั้นพื้นฐาน

คราวนี้เรามาดูว่าถ้าเราสงสัยว่าเครื่องติดไวรัสแน่นอนแล้ว เราจะจัดการกับมันอย่างไรดี ตามที่บอกไว้ด้านบนๆนั่นล่ะครับว่าไอ้ตัวไวรัสนี่มันมีหลายอาการ มีหลายระดับด้วย พวกที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเช่นพวก Hacked By ทั้งหลายเนี่ย จะไม่มีการทำลายไฟล์หรือทำอะไรที่ซับซ้อนมากนัก แต่บางตัวนี่รุนแรงครับเล่นกันถึงขั้น ลบไฟล์ในเครื่องจนต้องลง Windows ใหม่กันเลยทีเดียวครับ เอาเป็นว่าเรามาดูขั้นตอนคร่าวๆกันดีกว่านะครับว่าจะทำอะไรกับมั้นได้บ้าง ไอ้ไวรัสตัวร้ายเนี่ย ถึงแม้อาจจะ ไม่สามารถแก้ไขได้ทุกตัวแต่ก็น่าจะพอเป็นแนวทางได้บ้างครับ อย่างที่บอกว่าสำหรับขั้นตอนการทำงานของไวรัสนั้นมีอะไรบ้าง คราวนี้เรามาไล่ย้อนขั้นตอนมันกลับไปเพื่อ ที่จะจัดการ มันครับ ตามที่บอกครับว่าไวรัส นั้นเมื่อมันติดมาแล้วมันจะต้องไปแอบอยู่ในหน่วยความจำ เครื่องเราเพื่อทำหน้าที่ของมัน และตรวจสอบการทำงานของตัวเองด้วย เช่นถ้ามันสั่งปิด Show All File แล้วเราไปเปิด มันก็จะปิดอีกครับ ดังนั้นถ้าเราเอามัน ออกไปจากตรงนี้ได้ อย่างน้อยๆตอนนี้มันก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แล้วล่ะครับ แล้วเราค่อย ตามล่าเอาตัวจริงของมันออก จากเครื่องไปซะให้สิ้นซาก ในการตรวจสอบตัวไวรัสที่อยู่ในหน่วยความจำ(Process) ส่วนใหญ่ก็อาศัยตัว Task Manager ของตัว Windows นั่นล่ะครับ แต่มันมักจะมีปัญหาตรงที่ว่า ไอ้ไวรัสตัวหลังๆนี่มันรู้ทันเราซะแล้วครับ เลยอาศัยคุณสมบัติของ Windows ที่สามารถปิดการใช้ตัว Task Manger มาปิดกั้นการใช้ของเราซะงั้น พอจะเรียกใช้ก็ดันขึ้นเป็นสีเทาไม่ให้เรียกอีก ไม่เป็นไรครับผมแนะนำว่าไปใช้ตัวนี้แทนก็ได้ครับ ฟรีเหมือนกัน โหลดมาติดเครื่องไว้ก็ดีครับ เผื่อเจอปัญหาโดน Lock Task Manager ก็ใช้ตัวนี้แทนซะเลย หรือถ้าใครติดใจจะกำหนดให้มันมาแทน Task Manager ของ Windows เลยก็ได้ครับ เจ้าตัวที่กล่าวถึงนี่คือโปรแกรม Precess Viewer แนะนำนิดนึงครับว่า เมื่อโหลดมามันจะเป็น Zip ไฟล์ ให้เราเอาออกมาแค่ PrcView.exe ตัวเดียวก็พอครับ ถ้าให้ดีก็ Copy ตัวนี้ใส่ Thumb Drive ไว้เลยครับ เผื่อไปเจอเครื่องที่มีปัญหาเรียก Task Manager ไม่ได้เราจะได้ใช้ตัวนี้ได้เลยสะดวกดีครับไม่ต้อง Install หมายเหตุนิดนึงว่าหลังจากเรียกใช้โปรแกรมนี้แล้วถ้าเราเปิด Show All File ไว้จะเห็นไฟล์ชื่อ PRCVIEW.GID เป็น Icon ใสๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ เป็นไฟล์ที่โปรแกรมสร้างขึ้นมาเก็บค่า Config ของมันน่ะครับไม่ใช่ไวรัส แต่ประการใด ที่เห็นใสๆ เพราะเป็นไฟล์ที่ Hidden ไว้แต่เราเปิด Show All เลยมองเห็นเท่านั้นเองครับ
เอาล่ะครับเมื่อเราเรียกมันขึ้นมาแล้วก็จะเห็น Process เหมือนๆ Task Manger นั่นล่ะครับ การเชิญตัวไวรัสซึ่งเราไม่ได้ชวนมาให้ออกไปจากหน่วยความจำนี่ก็ใช้การ Click ที่ชื่อ Process ที่เป็นไวรัสแล้วเลือก Kill(เครื่องหมาย X) มันเลยครับ เหมือนกับการ End Process ใน Task Manager นั่นล่ะครับ แค่นี้มันก็โดนเนรเทศ ออกไปจากหน่วยความจำเครื่องเราเรียบร้อยแล้วล่ะครับ คำถามคือแล้วเราจะรู้ได้ไงล่ะว่าตัวไหนเป็น Process ของไวรัส ตามรูปนี่ผมขอยกตัวอย่างเจ้าตระกูล Hack By รวมถึงพวกตระกูลที่ใช้ VB Script เหมือนกัน ซึ่งสังเกตุง่ายๆเจ้าพวกนี้ชอบเปลี่ยนหัวของ IE เพื่อประกาศศักดานะครับ เนื่องจากเจ้าพวก VB Script(.VBS ) นี่ไม่สามารถจะทำการ Execute ด้วยตัวเองได้จึงต้องอาศัยตัว โปรแกรมของ Windows มาแปลคำสั่งแล้วทำตามที่กำหนดไว้ เจ้าตัวช่วยแปลที่กล่าวถึงคือ Wscript.exe ซึ่งเป็นของ Windows เองนี่ล่ะครับ ซึ่งโดยตัวมันเองไม่ใช่ไวรัสนะครับ เพียงแค่โดนไวรัสใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานเท่านั้นเอง อย่าไปลบมันทิ้งซะล่ะ ถ้าใครอยากรู้จักมันมากกว่านี้ว่าเอาไว้ทำอะไรได้บ้างก็ลองดูที่นี่นะครับ เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วให้มองหาตรงช่อง Name นะครับ หาตัวที่ชื่อว่า WScrip.exe ให้เจอแล้ว Kill มันเลยครับ ลองหาดูให้ดีนะครับมันอาจจะมีอยู่หลายตัวให้จัดการ Kill มันให้หมดทุกตัวเลยนะครับอย่าเหลือไว้ทำพันธุ์ วิธีป้องกันการตกหล่นคือให้ Click ตรงคำว่า Name นะครับมันจะได้จัดเรียงตามชื่อ คราวนี้มีกี่ตัวมันก็จะเข้า แถวมาให้เรา Kill แล้วล่ะครับ ไม่ตกหล่นแน่นอน เท่านี้เจ้าไวรัสตระกูลที่ใช้ .VBS ก็หมดฤทธิ์แล้วล่ะครับ เพราะไม่มีตัวกลางในการรันมันแล้ว เดี่ยวเราค่อยตามกวาดล้างมันในขั้นตอนต่อไป สำหรับไวรัสตัวอื่นๆก็เช่นเดียวกันล่ะครับ ขอแค่เรารู้ชื่อ Process มันแล้ว Kill มันทิ้งซะ คือไล่มันออกไปจากหน่วยความจำได้ก็ถือว่าสำเร็จไปขั้นนึงแล้วล่ะครับ ขั้นตอนต่อมาเมื่อเราเชิญมันออกไปจากหน่วยความจำได้แล้วก็ต้องตามล่าตามล้างมันออกไปจากเครื่องด้วยครับ ไม่งั้นพอ Boot เครื่องใหม่มันก็จะกลับมาอีก จำที่กล่าวข้างต้นได้ใช่มั้ยครับว่ามันมักจะโหลดขึ้นมาพร้อม Windows เราจะต้องทำการสกัดกั้นไม่ให้มันขึ้นมาพร้อม Windows ได้ ซึ่งโดยทั่วไป(อีกแล้ว) เรามักจะใช้การเอาออกจากตัว Msconfig ของ Windows ซึ่งก็เช่นเดิมครับ เจ้าไวรัสรู้มากก็ไป Block ตัว Msconfig อีกแล้วครับท่าน แต่ช้าก่อนเราใช้ตัว Process Viewer ตัวเดิมนั่นล่ะครับแทน Msconfig ได้เหมือนกัน(โหลดมาทีนึงใช้ให้คุ้มเลย) โดยการเลือกที่เมนู Tools => Auto Runs มันก็จะแสดงรายชื่อโปรแกรมที่มีการโหลดขึ้นมาพร้อม Windows ซึ่งแน่นอนเจ้าไวรัสตัวร้ายก็ขออาศัยโหลด ขึ้นมา กับเค้าด้วยเหมือนกัน เราก็ต้องเชิญมันออกไปเหมือนเดิมครับคือเลือกตรงชื่อที่ต้องการเชิญออกไป แล้วกด Remove(เครื่องหมาย X) ครับ เท่านี้มันก็ไม่โหลดขึ้นมาพร้อม Windows เราอีกแล้วล่ะครับ มาถึงขั้นสุดท้ายแล้วล่ะครับ ขั้นกำจัดกวาดล้างให้หมด คือถึงแม้ว่าเราจะไม่ให้มันโหลดขึ้นมาพร้อมๆกับ Windows แล้วแต่มันยังอาศัยอยู่ใน Harddisk ครับ เราก็ต้องทำการกำจัดมันออกไปให้พ้น ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ปุ่ม Delete นี่ล่ะครับทุกเครื่องมีแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าให้ดีกด Shift+Delete ไปเลยครับจะได้ไม่ต้องมารกในถังขยะเราอีกส่วนจะต้องลบตัวไหนบ้างนี่ก็แล้วแต่ตัวไวรัสแต่ละตัวล่ะครับ ว่ามันแอบไว้ตรงไหนบ้าง ในขั้นต้นผมแนะนำว่าในแต่ละ Drive นั้นที่ลบได้แน่ๆไม่ผิดพลาดคือไฟล์ Autorun.inf (Icon จะเป็นรูปกระดาษ +เฟือง)และอีกตัวที่ลบได้เลยไม่ต้องคิดคือพวกไฟล์นามสกุล .VBS โดย Icon จะเป็นรูปคล้ายๆกระดาษม้วนสีฟ้าๆ ตามรูปน่ะครับลบได้เลยครับ ส่วนตัวอื่นๆแอบอยู่ที่ไหนบ้างก็ขออ้างอิงจากด้านบนนะครับ คือตอนที่เราใช้ Process Viewer ดูว่ามันโหลดอะไรขึ้นมาพ้อมกับ Windows บ้างนั้น ให้เราดูตรงช่อง Command Line แล้วจดไว้นะครับว่าไฟล์ที่มันเรียกขึ้นมาน่ะอยู่ตรงไหน ตามไปลบมันตรงนั้นเลยครับ แต่เดี๋ยวก่อน เจ้าไวรัสบางตัว(หลังๆนี่เกือบทุกตัว)ใช้การป้องกันไม่ให้เราดูไฟล์ที่โดนซ่อนไว้ได้ ตามที่บอกไว้ในตอนต้นๆโน่นเลยว่ามันจะไม่ยอมให้เราเปิด Show All Files ได้ บางตัวเล่นกันถึงแอบ Folder Options เลย เอาไว้ผมจะเขียนเรื่องการแก้ปัญหานี้อีกทีนะครับ ตอนนี้เราแก้ปัญหาด้วยเครื่องมือตัวนี้ก่อนครับ เจ้าตัวที่ว่านี้ชื่อว่า
Explorer XP ความสามารถของมันคือมองเห็นไฟล์ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะโดนแอบยังไง เราก็ใช้เจ้าตัวนี้ล่ะครับเข้าไปหาไฟล์ที่ต้องการลบ เหมือนกับเข้าทาง My Computer นั่นล่ะครับ แต่มันสามารถมองเห็นไฟล์ที่แอบไว้ได้ครับ สำหรับเจ้าตัวที่โหลดมานี่จะเป็นไฟล์แบบ Install ก่อน แต่ผมลองดูแล้วมันเป็น Portable ด้วยนะครับ คือหลังจาก Install เสร็จแล้วให้เราเข้าไปใน Folder ที่มัน Install ไว้ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็น "C:\Program Files\ ExplorerXP\" แล้วเราสามารถ Copy เฉพาะไฟล์ ExplorerXP.exe ใส่ไว้ใน Thumb Driveเพื่อนำไปใช้ ที่เครื่องอื่นๆโดยไม่ต้อง Install อีกได้เลยครับ แต่แนะนำว่าให้สร้าง Folder ใน Thumb Drive ให้มันอยู่นิดนะครับ เพราะในการเรียกใช้งานมันจะสร้างไฟล์ เก็บค่าของมันประมาณ 3 ไฟล์ขึ้นมาด้วย ถ้าไม่ใส่ไว้ใน Folder เดี๋ยวจะงงได้ครับว่าไฟล์มาจากไหน

http://www.dkdc-ultra.com

การเลือกซื้อ Modem

โมเด็มมีสองแบบคือ Internal (ติดตั้งภายใน) ขอใช้ว่า int. และ External (ติดตั้งภายนอก) ขอใช้ว่า ext. ข้อดีข้อเสียของโมเด็ม ext. 1. ติดตั้งง่าย 2. มองเห็นการทำงาน 3. เปลืองเนื้อที่ในการวางตัวโมเด็ม 4. อาจจะต้องเสียบไฟฟ้า ข้อดีข้อเสียของโมเด็ม int. 1. ไม่เปลืองเนื้อที่เพราะอยู่ในเครื่อง 2. ไม่ต้องเสียบไฟฟ้า 3. ติดตั้งลำบาก 4. ไม่เห็นการทำงาน สำหรับโมเด็ม ext. นั้นจะมีการติดต่อกับเครื่องคอมสองแบบคือ USB Port และ Serial Port ซึ่ง USB Port จะไม่ต้องเสียบไฟฟ้าเพิ่ม ส่วน Serial Port นั้นจะต้องเสียบไฟฟ้าเพิ่ม ประเภทของมันจะมีสองประเภท คือ Hardware Modem และ Software Modem (หรือ Win Modem) ซึ่ง Hardware จะแปลงสัญญาณด้วยตัวโมเด็มเอง ส่วน Software จะใช้ CPU ช่วยในการแปลงสัญญาณ Hardware Modem จะพบในโมเด็ม ext. และ int. Software Modem จะพบในโมเด็ม ext. ที่ติดต่อแบบ USB Port และ int. ข้อดีข้อเสียของ Hardware Modem 1. ไม่กินแรง CPU 2. ราคาแพง ข้อดีข้อเสียของ Software Modem 1. ราคาถูก ถึงถูกมาก 2. กินแรง CPU ข้อสังเกต : แบบ Software จะมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับ Hardware ถ้าจะถามผม ผมแนะนำให้ซื้อแบบ ext. ที่เป็น Serial Port ครับ ใช้งานไม่มีปัญหาเลย แต่ต้องยี่ห้อที่ดีๆมีคุณถาพหน่อย โมเด็ม int. ที่เป็น Hardware ก็น่าสนใจครับ ใช้ดีเช่นกัน

ความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อสังคมของมนุษย์เราในปัจจุบัน แทบทุกวงการ ล้วนนำคอมพิวเตอร์เข้า ไปเกี่ยวข้องกับการใช้งาน จนกล่าวได้ว่า คอมพิวเตอร์เป็นปัจจัย ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อ การดำเนินชีวิตและ การทำงานใน ชีวิตประจำวัน ฉะนั้น การเรียนรู้เพื่อทำ ความรู้จัก กับคอมพิวเตอร์จึงถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะ ทราบว่าคอมพิวเตอร์คืออะไร ทำงานอย่างไร และมีความสำคัญต่อมนุษย์อย่างไร เราจึงควร ทำการศึกษาในหัวข้อต่อไป




คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือน สมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"
คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิด คำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลข และ ตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนียังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้
http://www.yupparaj.ac.th/CAI/CAI2005/31102/plan1/mean.htm

Blogger คืออะไร!

Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเองมีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้นส่วนคำว่า blogger มีความหมายว่า ผู้เขียน blog ครับ
ที่มา:
http://www.keng.com/2005/09/30/what-is-blog/

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สวัสDครับพี่น้อง

ต้นกำเนิดความหมายของ...สวัสดี

ความหมาย ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 สวัสดี หมายถึงความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง คำทักทาย หรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน

สวัสดี ในส่วนที่นำมาใช้เป็นคำทักทายนั้น พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้เล่าถึงต้นเหตุเดิมไว้ว่า เจ้าหน้าที่วิทยุกระจายเสียงได้ใช้คำ "ราตรีสวัสดิ์" ลงท้ายคำพูดเมื่อจบการกระจายเสียงตอนกลางคืน โดยอนุโลมตามคำว่า "กู๊ดไนต์" (Goodnight) ของอังกฤษ แต่มีผู้ไม่เห็นด้วย

ทางสถานีวิทยุกระจายเสียง จึงขอให้กรรมการชำระปทานุกรมของกระทรวงธรรมการในสมัยนั้น ช่วยคิดหาคำให้ ตกลงได้คำว่า "สวัสดี" ไปใช้ และเมื่อ พ.ศ. 2476 พระยาอุปกิตศิลปสาร ได้นำไปเผยแพร่ให้นิสิต ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใช้เป็นคำทักทายเมื่อพบกัน จึงได้แพร่หลายใช้กันต่อมา

ครั้นต่อมาในยุคบำรุงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของชาติ รัฐบาลในสมัยนั้น ก็เห็นชอบกับการใช้คำว่า "สวัสดี" ในโอกาสแรกที่ได้พบกัน ได้มอบให้กรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) ออกข่าวประกาศเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2486 ดังต่อไปนี้ (ตัวสะกดและการันต์ในสมัยนั้น)

"ด้วยพนะท่านนายกรัฐมนตรี ได้พิจารนาเห็นว่า เพื่อเปนการส่งเสริมเกียรติแก่ตนและแก่ชาติ ให้สมกับที่เราได้รับความยกย่องว่า คนไทยเปนอารยะชน คำพูดจึงเปนสิ่งหนึ่งที่สแดงภูมิของจิตใจว่าสูงต่ำเพียงใด ฉะนั้นจึงมีคำสั่งให้กำชับ บันดาข้าราชการทุกคนกล่าวคำ "สวัสดี" ต่อกันไนโอกาสที่พบกันครั้งแรกของวัน เพื่อเป็นการผูกไมตรีต่อกัน และฝึกนิสัยไห้กล่าวแต่คำที่เปนมงคล ว่าอะไรว่าตามกัน กับขอไห้ข้าราชการช่วยแนะนำ แก่ผู้ที่อยู่ไนครอบครัวของตนไห้รู้จักกล่าวคำ "สวัสดี" เช่นเดียวกันด้วย" นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ทางราชการในสมัยนั้นได้กำหนดให้ใช้คำว่าสวัสดี ไว้แล้วตั้งแต่ พ.ศ.2486

แต่ปัจจุบันนี้เยาวชนไทย เมื่อพบกันแทนที่จะใช้คำว่า "สวัสดี" กลับนำเอาคำผรุสวาทมาใช้แทน ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็นมงคลแก่ตนเองทั้งสิ้น นับเป็นความเสื่อมทางวัฒนธรรมด้านภาษา และจิตใจอย่างมากที่สุด

ในปัจจุบันนี้มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก ได้พยายามยกมือไหว้และกล่าวคำว่า "สวัสดี-Sawasdee" เพราะเข้าใจวัฒนธรรมของไทยดีขึ้น นับเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยได้ประการหนึ่ง

คำว่า สวัสดี ได้แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นคำของ "ชาตินิยม" เป็นวัฒนธรรม อันหยั่งรากฝังลึกลงในจิตใจของชาวไทยทั้งประเทศ อากัปกิริยาของการ "สวัสดี" ผนวกกับ ความมีน้ำใจไมตรีของคนไทย และรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ ทำให้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำที่มีความหมายมากมายนัก

คนไทยควรจะมาร่วมกันดำรงความเป็น "ไทย" ด้วยรอยยิ้มแจ่มใสและคำทักทาย "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับ"


ข้อมูลจาก http://www.thaigoodview.com/